วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

แด่ผู้ที่ศรัทธาในโหราศาสตร์


ในสมัยพุทธกาล หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 5 วัน พระเจ้าสุทโธทนะพระบิดา ได้เชิญพราหมณ์ 108 คน มาเลี้ยงโภชนาหารในพระราชนิเวศน์ เพื่อทำพิธีทำนายพระลักษณะ ตามราชประเพณี ให้คัดเลือกพราหมณ์ผู้มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจาก 108 คน คัดให้เหลือ 8 คน โดยมีโกณฑัญญะอยู่ในจำนวน 8 คน นี้ด้วย
พราหมณ์ 7 คนแรก ได้พิจารณาตรวจดูพระลักษณะของสิทธัตถะอย่างละเอียด เห็นถูกต้องตามตำรามหาบุรุษลักษณะพยากรณ์ศาสตร์ ครบทุกประการแล้ว จึงยกนิ้วมือขึ้น 2 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ในการทำนายเป็น 2 นัย เหมือนกันทั้งหมดว่าพระราชกุมารนี้ ถ้าดำรงอยู่ในเพศฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปราบปรามได้รับชัยชนะทั่วปฐพีมณฑล ถ้าออกบวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก
 ส่วนโกณฑัญญะพราหมณ์เป็นผู้พยากรณ์เป็นคนสุดท้าย ได้พิจารณาตรวจดูพระลักษณะของพระกุมาร โดยละเอียดแล้ว ได้ยกนิ้วขึ้นเพียงนิ้วเดียวเป็นการยืนยันการพยากรณ์อย่างเด็ดเดี่ยวเป็นนัยเดียวเท่านั้นว่า พระราชกุมาร ผู้บริบูรณ์ด้วยมหาบุรุษลักษณะอย่างนี้ จะไม่อยู่ครองเพศฆราวาสอย่างแน่นอน จักต้องเสด็จออกบรรพชา และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตและ กาลต่อมาคำพยากรณ์ของพระอัญญาโกญฑัญญะก็เป็นจริงตามคำทำนาย
 การเริ่มสนใจในโหราศาสตร์ของผมนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องเล่า และประวัติศาสตร์ทางโหราศาสตร์ในอดีต สมัยอยู่ชั้นประถม อายุประมาณ 10 ขวบเห็นจะได้  มีโอกาสได้พบกับตำรา หมอดูประจำบ้านที่มีตำราพื้นฐานอย่าง กราฟชีวิตการผูกดวงชะตานั้นจะคำนวณ จาก วัน เดือน ปีเกิด เรียกได้ว่ากราฟชีวิต คือวิชาพยากรณ์วิชาแรกที่เริ่มสนใจศึกษา หลังจากนั้นก็ได้เริ่มพยากรณ์ให้หมู่ญาติสนิทมิตรสหาย  ซึ่งดวงชะตาแรกที่พยากรณ์ด้วยโหราศาสตร์  คือ ดวงชะตาของตนเองการค่ำเคร่งอยู่กับกราฟชีวิตและเก็บสถิติดวงชะตาของผู้มาขอรับคำพยากรณ์ ได้ทั้งความสนุก และ ได้ลงมือปฎิบัติจริง ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
 หลังจากเรียนรู้เรื่องกราฟชีวิตมาในช่วงวัยประถม ในช่วงประมาณมัธยมต้น หรือ ราวๆอายุ 14 – 15 ขวบ ก็ได้รู้จักวิชา เลข 7 ตัวซึ่งระบบนี้ถือว่าเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในภาคอีสาน รวมถึงที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม ในอดีตนั้นได้เคยมี หมอดูเลข 7 ตัวผู้โด่งดัง ท่านคือ หมอทอง คิ้วน้อยการที่ได้ทราบว่า หมอดูคนดังกล่าวเป็นคนบ้านเดียวกัน ยิ่งทำให้รักและศรัทธาในศาสตร์การทำนาย จึงได้เริ่มศึกษาเพิ่มเติมในวิชาดังกล่าว จากการอ่านหนังสือ การไปขอให้หมอดูพยากรณ์ดวงชะตาให้ตนเอง เพื่อเป็นการสนทนา และขอความรู้จากผลการพยากรณ์ ทำแบบนี้อยู่เรื่อยมา และ ใช้วิชาการดังกล่าวพยากรณ์ช่วยเหลือ และ ให้คำแนะนำแก่กัลยาณมิตรที่สนิทกันเรื่อยมา จนมีดวงชะตาในสมุดจดดวงเพิ่มขึ้นหลายต่อหลายเล่ม

หลังจากชีวิตในวัยเด็กได้เรียนรู้ และ ศึกษาวิชากราฟชีวิต และ เลข 7 ตัวมาพอสมควรแล้ว รวมถึงสามารถพยากรณ์ให้ผู้ที่สนใจได้ในระดับที่น่าพอใจ จึงเกิดอยากพัฒนาตนเองเพื่อเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ช่วงอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ได้หันมาศึกษาวิชา โหราศาสตร์ไทย 12 ราศี”  วิชานี้ว่ากันว่า เป็นวิชาที่เรียนยาก และ มีกฏเกณฑ์ข้อจำกัดอยู่มากมาย แต่ ความมุ่งมั่นนั้นไม่เคยลดน้อยหรือถอยลง เริ่มศึกษาเรียนรู้จากตำราของอาจารย์หลายๆท่าน เริ่มจากศูนย์ และ พัฒนาตัวเองเรื่อยมา และ มีโอกาสได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์สายสิบลัคนา กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้ติดตามผลงานท่านมานาน
  จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็นับเป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ที่ได้เข้ามาในสายของการพยากรณ์ ในช่วงที่เรียนรู้นั้น อุปสรรคต่างๆมีมากมาย แต่ ที่คิดว่าหนักหนาสาหัสที่สุด อุปสรรคสิ่งนั้นคือ ใจของเราเอง เพราะ หากใจท้อ หรือ ไม่มีมานะแห่งตน การเรียนรู้นั้นก็ย่อมไม่เกิดผลดีที่สุดแก่ตนเอง
  จุดเริ่มต้นของการให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจ เกิดจากหนังสือ โฮ๋ราศาสตร์ของ อ.อรุณ ลำเพ็ญ หรือ อ.หมอเถาวัลย์ ซึ่งท่านได้เขียนบทความเพื่อเป็นวิทยาทาน ผมได้อ่านหนังสือเล่มดังกล่าวแล้ว รู้สึกถึงความปลื้มใจและดีใจที่ได้เจอหนังสือเล่มนี้ หากมีโอกาสอยากจะให้ความรู้แบบท่านเพื่อเป็นวิทยาทานบ้าง และหวังว่า คนอ่านจะชอบและรู้สึกเหมือนผมตอนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น รวมถึงเพื่อสืบสานโหราศาสตร์ไทยให้คงอยู่สืบไปด้วย จึงได้ตัดสินใจเริ่มเขียนบทความลงใน Facebook และ ใน Blog เป็นบทความประจำวัน (สามารถเข้าไปอ่านบทความย้อนหลังได้ที่  https://mongkolastro.blogspot.com ) และ ได้เขียน Ebook นำเสนอผลงานในแอปพิเคชั่นอ่าน Ebook Online ต่างๆมากมาย เช่น แอป  Meb Ookbee นายอิน  หรือ Se-Ed
 โหราศาสตร์ไทย 12 ราศี หรือ ดวงราศีจักรนั้น เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของดวงดาวที่โคจรจริงบนท้องฟ้าเพื่อนำมาใช้เป็นหลักในพยากรณ์ ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจในระบบสุริยจักรวาล ที่มีพระอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล (heliocentric system) และมีดาวพระเคราะห์ต่างๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์  โดยโคจรผ่านเส้น สุริยวิถี หรือ เส้น ecliptic และโคจรเคลื่อนผ่าน กลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง 12 กลุ่ม ( หรือที่เรียกว่า กลุ่มดาวจักรราศี ) นั่นเอง
 แต่ หลักการของโหราศาสตร์จะแตกต่างกันเล็กน้อย คือจะใช้โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล หรือ ดวงชะตา (geocentric system) โดยมีพระอาทิตย์ และ ดาวพระเคราะห์ดวงอื่นๆ คือ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวราหู ดาวเกตุ และ ดาว มฤตยู เป็นบริวารของโลก หรือ ดวงชะตา นี้คือจุดที่ควรทราบก่อนเริ่มเรียนโหราศาสตร์ไทย 12 ราศี
ดวงดาวที่สถิตในดวงชะตา ดาวเกษตรเจ้าของราศีนั้นๆ และ ภพ หรือ ภูมิพยากรณ์ทั้ง 12 ภพ จะเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวของการทำนาย ภพทั้ง 12 นั้น ไล่เรียงกันแบบตายตัว คือภพที่ 1.ตนุ (ตัวเอง) – 2. กะดุมพะ (การเงิน) – 3. สหัชชะ (เพื่อน) – 4. พันธุ (ญาติ) – 5. ปุตตะ (ลูก) – 6. อริ (อุปสรรค) – 7.ปัตนิ ( คู่ครอง หุ้นส่วน) –  8. มรณะ (ความตาย) –  9. ศุภะ (ความเจริญ) – 10. กัมมะ (การงาน) – 11. ลาภะ (ลาภผล) – 12.วินาสน์ (ความเสียหาย)
หลักการพยากรณ์นั้น ต้องมีการคำนวณหาลัคนากำเนิดเสียก่อน หากทราบว่า ลัคนาสถิตราศีใดแล้ว ก็ให้นับภพที่หนึ่งที่ราศีนั้นเสมอ โดยการนับทวนเข็มนาฬิกา เช่น คนเกิดลัคนาเมษ จะนับภพตนุ หรือ ภพที่ 1 ที่ราศีเมษ ภพที่สอง หรือ กะดุมพะ ที่ราศีพฤษภ ภพที่สาม ภพสหัชชะ ที่ราศีมิถุน ไล่เรียงไป จนถึงภพที่สิบสอง คือภพ วินาสน์ ที่ราศีมีน นี้คือหลักการ ส่วนคนที่เกิดลัคนาราศีอื่นๆ ก็สามารถปรับใช้ในดวงชะตาของตนเองได้
เช่น หากจะวิเคราะห์เรื่องคู่ครอง ก็ใช้ดาวเจ้าของราศีภพที่เจ็ด หรือ ราศีที่เจ็ดจากลัคนามาวิเคราะห์ หากดาวดวงนี้ไปสถิตในราศีใด ภพใด ก็ออกคำพยากรณ์ไปตามเนื่องราวนั้นๆ เช่น ดาวคู่ครอง ไปสถิตอยู่ใน ราศีที่สามหรือภพที่สามของลัคนา ภพนี้คือภพสหัชชะ ที่มีความหมายว่า เพื่อน ดังนั้น เจ้าชะตาก็มีโอกาสที่ได้เพื่อนมาเป็นคู่ครอง หรือได้คู่ครองที่เคยคบกันเป็นเพื่อนมาก่อน อาจจะเจอกันเพราะเพื่อนแนะนำให้ก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องอื่นๆใช้หลักการนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการพยากรณ์
           การยกตัวอย่างข้างต้นนั้น เป็นแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของการพยากรณ์เท่านั้น เพราะ ยังต้องทราบมาตรฐานของดาวดวงนั้นๆ ว่า เข็มแข็ง หรือ อ่อนแอเพียงใด และ ต้องทราบความสัมพันธ์ระหว่างดาวเจ้าเรือนที่เราจะนำมาวิเคราะห์ด้วยว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับดาวเกษตร หรือ ดาวเจ้าของราศีที่มาอาศัยเรือนอยู่หรือเปล่า ( หรือ ที่เรียกว่า ดาวพระเคราะห์คู่ หรือ ความสัมพันธ์ของดาวทั้งสองดวง) โหราศาสตร์เป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงอยากให้ทุกท่านเรียนรู้ เพื่อเชิดชูโหราศาสตร์ไทย ให้อยู่คู่กับคนไทยไปอีกนานเท่านาน

           รับพยากรณ์ดวงชะตาออนไลน์ และ นอกสถานที่ (กทม และ ต่างจังหวัด) และ รับสอนโหราศาสตร์ติดต่อได้ที่

https://www.facebook.com/mongkolrachachok
https://www.facebook.com/mongkolastro
https://mongkolastro.blogspot.com
LineID:mongkolastro
โทร : 095-223-5422
https://pantip.com/profile/4661554
ฝาก Ebook บทความโหราศาสตร์ด้วยนะครับวางแล้วใน Meb Ookbee นายอิน และ Se-Ed แอฟอ่าน อีบุ๊คออนไลน์ ทั้งระบบ IOS และ  Android 

1 ความคิดเห็น:

ประเกษตร

ดาวเกษตรหมายถึงความมั่นคง ถาวร ยั่งยืน แต่ หากดาวที่โคจรมายังราศีตรงข้ามของเรือนเกษตร ดาวนั้นจะได้ตำแหน่ง "ประเกษตร หรือ...