นักกษัตริย์ฤกษ์ทั้งหมด มี 27 ฤกษ์ แบ่งเป็น 9 หมวดๆละ 3 นักกษัตริย์ฤกษ์ 1 ฤกษ์นั้นจะมีพื้นที่ 13.20 องศา (หรือ 4 นวางค์/4บาทฤกษ์) เริ่มต้นฤกษ์ที่หนึ่งที่ ราศีเมษในพื้นที่ 4 นวางค์แรก หรือ 13.20 องศาแรกของราศีเมษ จะเป็นนักกษัตริย์ฤกษ์อัศวินี อยู่ในหมวด ทลิทโทฤกษ์ ไล่เรียงกันไปจนถึงเรวดีนักกษัตริย์ฤกษ์ (ฤกษ์ที่ 27 )ในหมวดสมโนฤกษ์ บนพื้นที่สี่นวางค์สุดท้ายของราศีมีน
หมวดฤกษ์หรือที่หลายๆท่านเรียกว่าฤกษ์ใหญ่นั้น มี 9 หมวดดังนี้
1.ทลิทโทฤกษ์ (ฤกษ์ที่ 1 / 10 / 19 )
2.มหัธโนฤกษ์ (ฤกษ์ที่ 2 / 11 / 20 )
3.โจโรฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 3 / 12 / 21 )4.ภูมิปาโลฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 4 / 13 / 22 )
5.เทศาตรีฤกษ์( ฤกษ์ที่ 5 / 14 / 23 )
6.เทวีฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 6 / 15 / 24 )
7.เพชรฆาตฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 7 / 16 / 25 )
8.ราชาฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 8 / 17 / 26 )
9.สมโนฤกษ์ ( ฤกษ์ที่ 9 / 18 / 27 )
ตรียางค์ที่หนึ่ง = เมษ กันย์ ธนู มีน (พิษนาค)
ตรียางค์ที่สอง = พฤษภ สิงห์ ตุลย์ กุมภ์ ( พิษครุฑ )
ตรียางค์ที่สาม = มิถุน กรกฎ พิจิก มังกร ( พิษสุนัข )
เนื่องจาก 1 ราศีมีแค่ 9 นวางค์ ส่วนนักกษัตริย์ฤกษ์แต่ละฤกษ์นั้น จะกินพื้นที่ 4 นวางค์ ดังนั้นจะต้องมีฤกษ์ที่คาบเกี่ยวสองราศีอยู่ 3 หมวด นั่นคือ โจโรฤกษ์ เทศาตรีฤกษ์ และ เพชรฆาตฤกษ์ เป็นฤกษ์ที่เสีย จึงไม่นิยมในการทำกิจการสำคัญหรืองานมงคล ยกเว้น เทศาตรีฤกษ์ ซึ่งปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมในการเปิดกิจการบางอย่าง
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่เกี่ยวข้องกับฤกษ์ นั่นก็คือ "ตรียางค์พิษ" แม้ฤกษ์นั้นๆจะเป็นฤกษ์ที่มีพื้นที่อยู่ในราศีเดียวกัน แต่ ก็ต้องคำนึงถึงตรียางค์พิษด้วย ( 1 ตรียางค์มีพื้นที่ 10 องศา )
เรื่องของนวางค์คุ้มโทษ คุ้มภัย หรือ นวางค์ปุ ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่คอยปกป้องคุ้มครองให้ฤกษ์นั้นมีความแข็งแกร่ง หรือ โดดเด่นขึ้น นวางค์ปุมี 2 แบบ คือ ปุชั้นหนึ่ง (ชั้นเอก ) และ ปุชั้นสอง (ชั้นโท) เช่น นวางค์ที่สี่ของราศีเมษ ธนู มีน จะเป็นปุชั้นหนึ่ง หรือ นวางค์ที่สามของราศีพฤษภและมิถุนจะเป็นปุชั้นสอง
ในกรณีที่ฤกษ์นั้นๆถูกลูกพิษ เช่น ฤกษ์ที่ 24 ในหมวดเทวีฤกษ์ (ราศีกุมภ์) บาทฤกษ์สุดท้ายแม้จะอยู่ในพื้นที่ตรียางค์พิษแต่ก็เป็นนวางค์ปุชั้นหนึ่งสามารถคุ้มภัยให้ดวงฤกษ์ได้
เนื่องจากแต่ละฤกษ์นั้นมีพื้นที่ 4 นวางค์ ( 4 บาทฤกษ์ ) ย่อมมีดาวเจ้าของนวางค์แต่ละลูกไม่เหมือนกัน จุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้แม้เกิดฤกษ์เดียวกัน แต่ นิสัยหรือแนวทางการดำเนินชีวิตก็จะต่างกันไปด้วย นี้ยังไม่ได้หมายรวมถึงเรื่องทักษาวันเกิดของแต่ละคนอีก เพราะ ฉะนั้นทุกอย่างล้วนสวดคล้อง และ เกี่ยวโยงกันในหลายๆจุด ฤกษ์ที่ดีนั้น ควรจะเป็นฤกษ์ที่สมบูรณ์แบบในหลายๆจุด และ มีดาวในดวงชะตาที่โดดเด่นด้วย
เรื่องของดวงจรก็เช่นกัน หากดาวโคจรดี แต่ เสวยฤกษ์ที่เสีย หรือ โคจรเข้าบาทฤกษ์ต้องห้ามแม้ว่าดาวจรจะดีปานใด แต่ ก็ทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้นได้เช่นกัน ยกตัวอย่างดวงของโอเอง ในช่วงที่ดาว 5 ดาวเจ้าเรือนลัคนาจรเข้าราศีพิจิกเป็นมหาจักรในภพศุภะ (ในช่วงที่จร 3.20 องศา - 6.40 องศา) โคจรเข้าราชาฤกษ์ เป็นบาทฤกษ์ที่หนึ่ง บาทฤกษ์นี้คือนวางค์ของดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นกาลีวันเกิด ช่วงนั้นชีวิตมีแต่ปัญหา แต่ ก็อุ่นใจหน่อยเพราะปัจจุบัน ณ วันที่เขียนเรื่องนี้ ดาว 5 โคจรผ่านบาทฤกษ์ที่หนึ่งหรือนวางค์ของดาวอาทิตย์มาแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ คือ ความมหัศจรรย์ของโหราศาสตร์ที่เหล่าครูบาอาจารย์ได้ทดสอบ และ ทิ้งไว้เป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลังได้เล่าเรียน คนที่ได้เรียนโหราศาสตร์ ในส่วนตัวของโอนั้น ถือว่าเป็นบุคคลที่มีวาสนายิ่งนัก แต่ ก็อย่างว่ากระบี่หากอยู่ในมือคนดีก็เลือกที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นและสังคม แต่ หากอยู่ในมือคนที่คิดแต่จะหวังผลประโยชน์ใส่ตน ก็เป็นจุดเสื่อมที่ทำให้คนไม่เชื่อเรื่องดวงกล่าวหาว่าพวกเรา คือพวกงมงาย "คิดดีทำดี โหราศาสตร์คือวิชาที่ดีงาม หากใช้นำพาชีวิตด้วยความดีงาม ชีวิตนั้นก็ย่อมเจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน "
รับพยากรณ์ดวงชะตาออนไลน์ และ นอกสถานที่ (กทม และ ต่างจังหวัด) และ รับสอนโหราศาสตร์ติดต่อได้ที่
- https://www.facebook.com/mongkolrachachok
- https://www.facebook.com/mongkolastro
- https://mongkolastro.blogspot.com
- LineID:mongkolastro
- โทร : 095-223-5422
- https://pantip.com/profile/4661554
- ฝาก Ebook บทความโหราศาสตร์ด้วยนะครับวางแล้วใน Meb Ookbee และ นายอินทร์ แอฟอ่าน อีบุ๊คออนไลน์ ทั้งระบบ IOS และ Android
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น